อิสลามคืออะไร?
ความหมายของอิสลาม          

อิสลามเป็นระบอบแห่งการดำเนินชีวิต ที่เน้นความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียว คือ อัลลอฮ์ ตะอาลา และการปฏิบัติตนตามคำสอนของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม อิสลามเป็นศาสนาที่สอนให้สร้างความดี คำสอนในอิสลามครอบคลุมด้านความเชื่อ การปฏิบัติ ศีลธรรมและจริยธรรม เพื่อความสงบสุขและความสำเร็จทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

อิสลาม หมายถึง การยอมจำนนต่ออัลลอฮ์ ตะอาลา ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียว (เตาฮีด) รวมถึงการสิโรราบต่อพระองค์ ด้วยการภักดี (ฏออะฮ์) และไม่นำสิ่งใดหรือผู้ใดมาเป็นภาคีร่วมกับพระองค์

อิสลามมิได้เริ่มต้นมีมาในสมัยของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม แต่อิสลามเป็นระบอบการดำเนินชีวิตที่อัลลอฮ์ ตะอาลา ประทานให้แก่มนุษยชาติตั้งแต่เริ่มแรกมีมนุษย์คนแรก บรรดาศาสนทูตทั้งหลายล้วนเรียกร้องเชิญชวนผู้คนสู่ศาสนาอิสลาม  
เพราะเหตุใดจึงเชื่อว่ามีพระเจ้าเพียงองค์เดียว?
ขอให้เรามาใคร่ครวญประเด็นต่างๆ ต่อไปนี้ 

ทุกสิ่งต้องมีผู้สร้าง
เราทุกคนล้วนยอมรับว่า ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวเรานั้นจะเกิดขึ้นมาเองไม่ได้ แต่จะต้องมีผู้ทำหรือผู้ประดิษฐ์ขึ้นมา เช่น เมื่อเราเห็นเครื่องบิน เราก็รู้ว่าต้องมีวิศกรเป็นผู้ประดิษฐ์มันขึ้น เมื่อเราเห็นบ้าน เราก็รู้ว่ามีช่างไม้เป็นผู้ทำมัน เมื่อเราเห็นเสื้อ เราก็รู้ว่ามีช่างตัดเสื้อเป็นผู้ทำขึ้น แม้แต่เมื่อเราเห็นไม้ขีดเล็กๆ สักก้านเดียว เราก็เชื่อว่ามีผู้ทำมันขึ้นมา เราจะไม่ยอมเชื่อเป็นอันขาดว่า ไม้ขีดนั้นจะเกิดมีขึ้นมาเองโดยไม่มีผู้ทำขึ้น เหมือนกับเมื่อเราเห็นรอยเท้าบนพื้น เราก็รู้ว่าต้องมีผู้เดินผ่านไป

ด้วยเหตุนี้ เราจึงเชื่อว่ามีสิ่งต่างๆ อีกมากมายที่มนุษย์ทำไม่ได้ เช่น ดวงอาทิตย์ ดวงดาว โลก ดวงจันทร์ สัตว์ มนุษย์ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นมาเองไม่ได้และจะต้องมีผู้สร้างมันขึ้นมาอย่างแน่นอน เพราะแม้แต่ไม้ขีดสักก้านเดียว เรายังไม่ยอมเชื่อว่ามันเกิดมาเองโดยไม่มีผู้ทำ

ทุกสิ่งต้องมีผู้ควบคุมบริหาร
ขอให้เราดูรถยนต์ที่แล่นอยู่บนท้องถนน มันแล่นไปมาได้ก็เพราะเครื่องยนต์และอุปกรณ์ของมัน แต่ถึงแม้จะมีเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและมีอุปกรณ์ครบครันหากไม่มีคนขับสตาร์ทเครื่องและควบคุมให้มันแล่นแล้ว มันก็จะจอดเฉยวิ่งไปไม่ได้ หรือถ้าเราสตาร์ทเครื่องแล้วปล่อยให้มันวิ่งไปเอง โดยไม่ควบคุมมัน มันก็จะวิ่งเปะปะชนกันวุ่นวาย

ท่านจะเชื่อหรือ หากมีผู้เล่าให้ฟังว่า มีรถคันหนึ่ง ภายในรถไม่มีคนขับเลยและไม่มีคนควบคุมด้วยวิธีการใดด้วย แต่รถคันนี้สามารถสตาร์ทเอง แล้วก็แล่นไปเอง ไปรับผู้โดยสารเอง ขนของลงจากรถเอง พอถึงตอนเย็นก็แล่นเข้าเก็บในอู่เอง ดับเครื่องเอง โดยไม่มีใครควบคุมเลย เหตุการณ์อย่างนี้ท่านจะเชื่อหรือ?

ในทำนองเดียวกัน ท่านลองพิจารณาความเป็นไปในจักรวาล มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวมากมายจนสุดที่จะคำนวณนับได้ สิ่งเหล่านี้โคจรกันอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน สิ่งเหล่านี้จะอยู่อย่างเป็นระเบียบได้อย่างไร หากไม่มีผู้ควบคุมดูแลและบริหารมัน เพราะแม้แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่่น รถยนต์สักคันยังจะแล่นเองไม่ได้หากไม่มีผู้ควบคุม
ศาสนาอิสลามได้สอนว่า ตลอดทั่วภิพพและจักรวาล ทุกๆ สิ่งต้องมีผู้สร้าง และทุกๆ สิ่งต้องมีผู้ควบคุมบริหาร ผู้สร้างและผู้ควบคุมบริหารจะต้องมีอำนาจยิ่งใหญ่ มีความรู้สูงเลิศ และมีเดชานุภาพเหนือสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น  พระองค์เป็นพระเจ้า พระนามของพระองค์นั้นมีมากมาย แต่ที่เรียกกันทั่วๆ ไปว่า คือ พระนามว่า "อัลลอฮ์"

"และพระองค์นั้นทรงบังเกิดทุกสิ่งทุกอย่าง และพระองค์ก็ทรงรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง , นั่นแหละคืออัลลอฮฺ ผู้เป็นพระเจ้าของพวกเจ้า ไม่มีผู้ควรได้รับการเคารพสักการะ นอกจากพระองค์ ผู้ทรงบังเกิดทุกสิ่งทุกอย่างเท่านั้น พวกเจ้าจงเคารพสักการะพระองค์เถิด และพระองค์ทรงเป็นผู้รับมอบหมายให้คุ้มครองรักษาในทุกสิ่งทุกอย่าง" (ซูเราะฮ์อัลอันอาม 101-102)

อ้างอิง
หนังสือคู่มือมุสลิมเบื้องต้น, อาจารย์การีม อับดุลเลาะห์, ศูนย์หนังสือมานพ วงศ์เสงี่ยม , หน้า 5-7.
อัลลอฮ์ ตะอาลา มีคุณลักษณะ (ศิฟาต) อะไรบ้าง?
มุสลิมศรัทธาว่าอัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงมีคุณลักษณะตามที่ระบุไว้ในคำภีร์อัลกุรอานและคำสอน (ฮะดีษ) ของท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม คุณลักษณะของพระองค์บางประการที่เรานำมาในที่นี้ มีดังนี้

มุสลิมศรัทธาว่า อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงมีคุณลักษณะอันสูงส่งและสมบูรณ์ พระองค์ทรงเอกะ ไม่มีภาคีหรือหุ้นส่วนใดๆ พระองค์ทรงดำรงอยู่ด้วยพระองค์เอง พระองค์ทรงบันดาลสร้างทุกสรรพสิ่ง ทรงเลี้ยงดู ประทานปัจจัยยังชีพ ทรงทำให้เป็น ทรงทำให้ตาย พระองค์ทรงได้ยินอย่างไม่มีข้อจำกัด พระองค์ทรงมองเห็นอย่างไม่จำกัด พระองค์ทรงเมตตา และตอบรับคำวิงวอน (ดุอาอ์) ของบ่าว
จะเข้ารับอิสลาม ต้องทำอย่างไร?
การเข้ารับอิสลาม ไม่ใช่เรื่องยาก ผมขอแนะนำการเข้ารับอิสลามดังนี้ครับ

ทำจิตใจให้สงบ ตั้งเจตนามั่นและกล่าวคำปฏิญาณตนว่า 

"อัชฮะดู้ อัลลา อิลาฮ่า อิ้ลลั่ล ลอฮ์ ว่ะ อัชฮะดู้ อันน่า มุฮัมม่าดัรฺ ร่อซูลุ่ลลอฮ์" 
ซึ่งมีความหมายว่า

"ข้าพเจ้าปฏิญาณตนว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น และข้าพเจ้าปฏิญาณตนว่า แท้จริงมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์"
เท่านี้คุณก็ได้ชื่อว่าเป็นมุสลิม (ชาย) หรือมุสลิมะฮ์ (หญิง) แล้วครับ นอกจากนี้ ผมขอแนะนำให้ทำประการต่างๆ เหล่านี้เพิ่มเติมด้วยครับ

1. ควรกล่าวคำปฏิญาณตนต่อหน้าพยาน ที่ดีพยานควรเป็นผู้รู้หรือนักวิชาการอิสลามเพื่อว่าภายหลังจากกล่าวคำปฏิญาณแล้ว จะได้รับฟังคำแนะนำหรือข้อตักเตือนจากท่านเหล่านั้นด้วย ที่ดีควรติดต่อไปยังมัสยิด สถาบันการศึกษา หรือศูนย์การเรียนจริยธรรมอิสลาม หากประสงค์จะติดต่อทีมงานของเรา ทางเราก็ยินดีครับ อินชาอัลลอฮ์

2. ตั้งชื่ออิสลามให้ตนเอง อาจขอคำแนะนำจากผู้รู้หรือนักวิชาการอิสลามก็ได้ครับ

3. หากในบัตรประจำตัวประชาชนระบุว่านับถือศาสนาอื่นที่ไม่ใช่ศาสนาอิสลาม ก็แนะนำให้ไปติดต่อสำนักงานเขตฯ หรือที่ว่าการอำเภอ เพื่อขอทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ โดยระบุในบัตรประจำตัวประชาชนว่า นับถือศาสนาอิสลาม

3. เรียนรู้หลักศรัทธาและหลักปฏิบัติเพิ่มเติม 

สุดท้ายนี้ขอดุอาอ์ จากอัลลอฮ์ ตะอาลา ให้เราได้ยืนหยัดอยู่ศาสนาอิสลามตราบจนลมหายใจสุดท้ายนะครับ-อามีน
หลักศรัทธาในศาสนาอิสลามมีอะไรบ้าง?
หลักศรัทธา (รุก่นอีมาน) ที่มุสลิมศรัทธามีหลายประการ แต่หลักใหญ่ๆ พื้นฐานมี 6 ประการ ได้แก่

  1. ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ 
  2. ศรัทธาต่อบรรดามลาอิกะฮ์ (สิ่งถูกสร้างประเภทหนึ่งของอัลลอฮ์ ถูกบังเกิดมาจากรัศมี ฯลฯ)
  3. ศรัทธาต่อบรรดาคัมภีร์ของอัลลอฮ์
  4. ศรัทธาต่อบรรดาศาสนทูต (ร่อซูล)
  5. ศรัทธาต่อวันสุดท้าย (อาคิเราะฮ์) 
  6. ศรัทธาต่อกำหนดสภาวะการณ์ทั้งทางดีและในทางร้าย
ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ได้กล่าวมีใจความว่า 

"การศรัทธา (อีมาน) คือ การที่ท่านศรัทธาต่ออัลลอฮ์ ต่อบรรดามลาอิกะฮ์ของพระองค์ ต่อบรรดาคัมภีร์ของพระองค์ ต่อบรรดาร่อซูลของพระองค์ ต่อวันสุดท้าย และศรัทธาต่อกำหนดสภาวะการณ์ของอัลลอฮ์ทั้งในทางที่ดีและในทางที่ไม่ดี"

บันทึกโดยมุสลิม

ใครคือผู้สืบทอดศาสนาอิสลาม?
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่ไม่มีพระหรือนักบวชเพื่อทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรมและเผยแผ่ศาสนาโดยเฉพาะ ส่วนอิมามก็เป็นเพียงผู้นำในการละหมาด อบรมสั่งสอน ให้ความรู้แก่ปวงสัปบุรุษ และอื่นๆ มิใช่พระที่ทำหน้าที่เป็นกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์

ดังนั้นอิสลามิกชนทุกคนจึงมีหน้าที่สืบทอดศาสนาอิสลามด้วยการปฏิบัติตนตามหลักศาสนา ศึกษาและเรียนรู้หลักคำสอนของศาสนาให้รู้แจ้งเห็นจริง และทำหน้าที่เผยแผ่ตามกำลังความรู้ของตน ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลั่ลลอฮู่อะัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ได้กล่าวว่า "ผู้รู้คือทายาทของศาสดา" และท่านยังกล่าวอีกว่า "ท่านทั้งหลายจงเผยแผ่จากฉัน ถึงแม้จะเป็นเพียงโองการเดียวก็ตาม"
ถ้าไม่มีเงินฉันจะไปทำฮัจย์ได้อย่างไร?
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิแห่งอัลลอฮ์เจ้า ขอพรอันประเสริฐและความสันติมีแด่ท่านนบีมุฮัมมัด ครอบครัวของท่าน บรรดาสาวกของท่าน ตลอดจนผู้ยึดมั่นในคุณความดีตราบจนถึงวันแห่งการพิพากษา ด้วยเทอญ

หลักปฏิบัติที่สำคัญ (รุก่น) ในอิสลามมี 5 ประการ ได้แก่ 
1. ชะฮาดะตาน หมายถึง การปฏิญาณตนว่า "ข้าพเจ้าปฏิญาณตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่เที่ยงแท้นอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น และข้าพเจ้าปฏิญาณตนว่า แท้จริงนบีมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์"
2. ละหมาดวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง 5 เวลา
3.จ่ายซะกาต (บริจาคทานภาคบังคับ)
4. การถือศีลอดในเดือนร่อมะฎอน (เดือนลำดับที่ 9 ตามปฏิทินอิสลาม)
5. การประกอบพิธีฮัจย์ อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต ทั้งนี้หากมีความสามารถ

เงื่อนไขที่ทำให้ฮัจย์เป็นข้อบังคับจำเป็น (วาญิบ) สำหรับมุสลิม/มุสลิมะฮ์ มี 5 ประการ ได้แก่
1. นับถือศาสนาอิสลาม
2. บรรลุศาสนภาวะ
3. มีสติสัมปชัญญะ
4. เป็นอิสระชน
5. มีความสามารถ กล่าวคือ มีสุขภาพร่างกายดี มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับการเดินทางไปและเดินทางกลับอย่่างเพียงพอ ตลอดจนเส้นทางการเดินทางปลอดภัย

จากคำถามที่ถามมา ถือว่าเป็นบุคคลที่ยังไม่มีความสามารถ ศาสนาไม่บังคับให้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ควรจะขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮ์ ตะอาลา ให้พระองค์ประทานความง่ายดายแก่เรา ให้เรามีโอกาสไปประกอบพิธีฮัจย์อย่างน้อยสักครั้งหนึ่งในชีวิตครับ อามีน
ทำไมมุสลิมจึงมีภรรยาได้ 4 คน?
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิแห่งอัลลอฮ์เจ้า ขอพรอันประเสริฐและความสันติมีแด่ท่านนบีมุฮัมมัด ครอบครัวของท่าน บรรดาสาวกของท่าน ตลอดจนผู้ยึดมั่นในคุณความดีตราบจนถึงวันแห่งการพิพากษา

อิสลามเป็นศาสนาที่อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงประทานแก่บ่าวของพระองค์เพื่อมาใช้เป็นวิถีในการดำเนินชีวิต อิสลามนอกจากจะเป็นศาสนาแล้ว ยังนับได้ว่าเป็นระบอบหรือวิถีแห่งการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติแห่งความเป็นมนุษย์


อิสลามเป็นศาสนาว่าด้วยวิถีชีวิต ครอบคลุมทุกการกระทำ ชี้ให้เห็นว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควร ดังนั้นคำสอนของศาสนาย่อมต้องตั้งอยู่บนหลักความเป็นเหตุเป็นผล เพื่อให้มนุษย์สามารถใช้ชีวิตได้อย่างถูกต้อง และมีแบบแผนที่ชัดเจนเรียบร้อย เรื่องการมีภรรยามากกว่าหนึ่งคนก็เช่นกัน

เราต่างทราบกันดีว่าศาสนาอิสลามอนุญาตให้มีภรรยาได้มากสุด 4 คน แต่นั่นคือความจริงเพียงบางส่วนเท่านั้น การมีภรรยา 4 คน ไม่ใช่เรื่องที่ศาสนาบังคับหรือสนับสนุน หากแต่เป็นการอนุมัติ และจำกัดให้ไม่เกินจำนวนดังกล่าว


หลักการเรื่องอนุญาตให้มีภรรยามากสุด 4 คน มาจากบทหนึ่งในคัมภีร์อัลกุรอาน ซูเราะฮ์อันนิซาอ์ (สตรี) อายะห์ที่ 3 ความว่า

“และหากพวกเจ้าเกรงว่าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรมในบรรดาเด็กกำพร้าได้ ก็จงแต่งงานกับผู้ที่ดีแก่พวกเจ้า ในหมู่สตรี สองคน หรือสามคน หรือสี่คน แต่ถ้าพวกเจ้าเกรงว่าพวกเจ้าจะให้ความยุติธรรมไม่ได้ ก็จงมีแต่หญิงเดียว หรือไม่ก็หญิงที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครองอยู่ นั้นเป็นสิ่งที่ใกล้ยิ่งกว่าในการที่พวกเจ้าจะไม่ลำเอียง”

จากโองการนี้และคำสอนอื่นๆ ในอิสลาม ชี้ให้เห็นว่า เงื่อนไขของการมีภรรยาได้ 4 คนนั้น สามีต้องมีความสามารถในการมอบค่าเลี้ยงดู (นะฟะเกาะฮ์) ได้แก่ ที่อยู่อาศัย อาหาร เสื้อผ้า ให้ความรู้ด้านศาสนา ตลอดจนการปกป้องดูแลและความอบอุ่นแก่ภรรยา ได้อย่างยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภรรยาทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ในทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องของการหลับนอน 

หากสามีสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขข้างต้นได้ ถือเป็นที่อนุญาตให้มีภรรยา 4 คนได้ 

แต่ถ้าไม่สามารถกระทำตามเงื่อนไขได้ ถือว่าสามีนั้นมีบาป และในวันที่ฟื้นคืนชีพมาอีกครั้ง (เยามุ่ลบะอฺษ์ วันนุชูร) สามีจะฟื้นขึ้นมาในสภาพที่เดินเอียง (คะแคง) และได้รับการลงโทษ
ทำไมมุสลิมจึงไม่กินหมู?
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิแห่งอัลลอฮ์เจ้า ขอพรอันประเสริฐและความสันติมีแด่ท่านนบีมุฮัมมัด ครอบครัวของท่าน บรรดาสาวกของท่าน ตลอดจนผู้ยึดมั่นในคุณความดีตราบจนถึงวันแห่งการพิพากษา ด้วยเทอญ

มุสลิมไม่รับประทานเนื้อหมูและอาหารทุกชนิดที่ปนเปื้อนหมู ด้วยเหตุผลต่อไปนี้

1. เพราะอัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงมีบัญชาห้ามมิให้รับประทาน ดังปรากฎในคัมภีร์อัลกุรอาน ซูเราะฮ์อัลอันอาม : 145 มีใจความว่า

"จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า ฉันไม่พบว่าในสิ่งที่ถูให้เป็นโองการแก่ฉันนั้น มีสิ่งต้องห้ามแก่ผู้บริโภคที่จะบริโภคมัน นอกจากสิ่งนั้นเป็นสัตว์ที่ตายเอง หรือเลือดที่ไหลออกหรือเนื้อสุกร แท้จริงมันเป็นสิ่งโสมม หรือเป็นสิ่งละเมิด ซึ่งถูกเปล่งนามอื่นจากอัลลอฮ์ที่มัน ถ้าผู้ใดได้รับความคับขัน โดยมิใช่เป็นผู้แสวงหาและมิใช่ผู้ละเมิดแล้วไซร้ แท้จริงพระเจ้าของเจ้านั้น เป็นผู้ทรงอภัยโทษ เป็นผู้ทรงเอ็นดูเมตตา"

2. เพราะเนื้อสุกรสกปรก ดังระบุในโองการข้างต้น

3. เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นถึงอันตรายจากการรับประทานเนื้อหมู 

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอันตรายจากเนื้อหมู

     แหล่งค้นคว้าเพิ่มเติม 1

     แหล่งค้นคว้าเพิ่มเติม 2

     แหล่งค้นคว้าเพิ่มเติม 3