Academic Affairs Administration in Islamic Perspective
มุฮัมมัดอาดัม (เสรี) พวงมณี
บทนำ
การศึกษาเป็นกระบวนการพัฒนาเพื่อนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในตัวบุคคลไปสู่คุณลักษณะที่พึงประสงค์กระบวนการดังกล่าวนี้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่มนุษย์ลืมตามาดูโลกจนกระทั่งเสียชีวิต มีทั้งรูปแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยผลผลิตที่ได้จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ จากตนเอง สู่ครอบครัว ชุมชน ประเทศ และโลก การที่สังคมหนึ่งๆ มีความเจริญและพัฒนา ประชาชนอยู่ดีมีสุข ย่อมสะท้อนถึงความสำเร็จในการจัดการศึกษาเพื่อผลิตพลเมืองที่มีคุณภาพ และเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม (นิเลาะ แวอุเซ็ง, 2559 : 5) การศึกษาในอิสลามมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การอบรม สั่งสอน และขัดเกลาให้ผู้เรียนมีคุณธรรมจริยธรรมที่ดีงาม สามารถดำรงตนอยู่ในครรลองของอิสลามโดยการนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน เกิดมรรคผลต่อตนเองและสังคม โดยมีเป้าหมายสุดท้ายคือ การบรรลุความสำเร็จในโลกนี้ โดยการเป็นผู้ศรัทธาที่สมบูรณ์ มีความรู้และทักษะในการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข และความสำเร็จในโลกหน้า โดยได้รับการตอบแทนด้วยสวรรค์ (นิเลาะ แวอุเซ็ง, 2559 : 127) ดังนั้นจึงเป็นอมานะฮฺ (ความรับผิดชอบ) ของผู้บริหารสถานศึกษาที่จะต้องให้ความสำคัญต่อการบริหารการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการบริหารงานวิชาการ เพราะในโลกหน้าเขาจะต้องได้รับพิพากษา ณ ศาลของอัลลอฮฺ ตะอาลา ว่าได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถหรือไม่ มากน้อยเพียงใด ดังปรากฎในคัมภีร์อัลกุรอานไว้มีใจความว่า
“แล้วในวันนั้นพวกเจ้าจะถูกสอบถามเกี่ยวกับความโปรดปรานที่ได้รับ (ในโลกดุนยา)” (ซูเราะฮฺอัตตะกาษุร : 8)
และท่านนบีมุฮัมมัด ศ๊อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ได้เตือนไว้ความว่า
นอกจากนี้ อิสลามยังส่งเสริมให้บริหารการศึกษาโดยมุ่งสู่การพัฒนาสถานศึกษาสู่ความเป็นเลิศอีกด้วย ท่านนบีมุฮัมมัด ศ๊อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ได้กล่าวมีใจความว่า
“แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักเมื่อผู้หนึ่งจากพวกท่านปฏิบัติภารกิจใดๆ แล้วเขากระทำมันอย่างประณีต” (บัยฮะกีย์)
ความหมายและความสำคัญของการบริหารงานวิชาการ
การบริหารงานวิชาการ หมายถึง การบริหารจัดการกิจกรรมทุกชนิดทุกประเภทที่เกี่ยวกับการเรียนการสอนและการบริหารสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อการจัดการเรียนการสอน เพื่อให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างราบรื่น เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจ การบริหารจึงเป็นกิจกรรมที่สำคัญที่สุดของงานวิชาการที่สามารถทำให้งานวิชาการเกิดพลวัต (Academic Affairs Dynamic) อยู่ตลอดเวลา ส่งผลต่อประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและคุณภาพของการศึกษาอย่างต่อเนื่องตลอดไป (สันติ บุญภิรมย์, 2552 : 22) สอดคล้องกับประเทือง สังข์นาค ที่ได้กล่าวว่าการบริหารงานวิชาการเป็นงานที่สำคัญสำหรับสถานศึกษา เพราะเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทุกชนิดในการจัดการเรียนการสอนและคุณภาพของการศึกษา กระบวนการบริหารงานวิชาการจะเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงการเรียนการสอนตั้งแต่การวางนโยบาย การวางแผน การปรับปรุงพัฒนา การจัดดำเนินการสอน การบริหารหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน การนิเทศการศึกษาและการวัดและประเมินผล รวมทั้งการติดตามผลการศึกษาโดยมีบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ หัวหน้าคณะวิชา หัวหน้าแผนกวิชา ครู อาจารย์ผู้สอน ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องอื่นเกี่ยวกับการบริหารงานวิชาการ (ประเทือง สังข์นาค, 2545 : 18 อ้างในภาวิดา ธาราศรีสุทธิ. 2556 : 35) ซึ่งสอดคล้องกับปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์ (2546 : 1) ได้กล่าวว่า
การบริหารงานวิชาการถือว่าเป็นงานหลักหรือเป็นภารกิจหลักของสถานศึกษา ไม่ว่าสถานศึกษาจะเป็นประเภทใด มาตรฐานและคุณภาพของสถานศึกษาจะพิจารณาได้จากผลงานด้านวิชาการ เนื่องจากงานวิชาการเกี่ยวข้องกับหลักสูตรการจัดโปรแกมการศึกษา และการจัดการเรียนการสอน ซึ่งเป็นหัวใจของสถานศึกษาและเกี่ยวข้องกับผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากรทุกระดับของสถานศึกษา
กล่าวได้ว่า การบริหารงานวิชาการเป็นภารกิจหลักของการบริหารการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงการเรียนการสอนตั้งแต่การวางนโยบาย การวางแผน การปรับปรุงพัฒนา การจัดดำเนินการสอน การบริหารหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน การนิเทศการศึกษา การวัดและประเมินผล รวมทั้งการติดตามผลการศึกษา
ขอบข่ายของการบริหารงานวิชาการ
การบริหารงานวิชาการมีขอบข่ายครอบคลุมงานด้านต่างๆ ได้แก่
1) การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
2) การพัฒนากระบวนการเรียนรู้
3) การวัดผล ประเมิน และการเทียบโอนผลการเรียน
4) การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
5) การพัฒนาสื่อ นวัตกรรมและเทคโนโยลีทางการศึกษา
6) การพัฒนาแหล่งเรียนรู้
7) การนิเทศการศึกษา
8) การแนะแนวการศึกษา
9) การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
10) การส่งเสริมความรู้ด้านวิชาการแก่ชุมชน
11) การประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถานศึกษาอื่น
12) การส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงาน และสถาบันอื่นที่จัดการศึกษา
(สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ, 2546 อ้างในสันติ บุญภิรมย์, 2552 : 32)
การบริหารงานวิชาการในมุมมองอิสลาม
เมื่อได้ศึกษาคัมภีร์อัลกุรอาน อัลหะดีษ และประวัติศาสตร์อิสลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประวัติการศึกษาอิสลาม เราจะพบว่าขอบข่ายการบริหารงานวิชาการตามที่ได้กล่าวข้างต้นนี้ สอดคล้องกับมุมมองอิสลาม ซึ่งสามารถกล่าวได้ดังนี้
1. การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา
ในมุมมองของอิสลาม หลักสูตรการศึกษาถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในสมัยของท่านศาสดายังไม่มีวางหลักสูตรเป็นลายลักษณ์อักษรก็จริง แต่ในทางปฏิบัติถือได้ว่ามีการวางหลักสูตรแล้ว มีทั้งหลักสูตรทั่วไปและหลักสูตรเฉพาะด้าน นอกจากนี้ มาวัรดี (ฮ.ศ. 364-450) มีทัศนะเกี่ยวกับหลักสูตรว่าจะต้องศึกษาวิชาศาสนาก่อนวิชาการอื่นๆ เพราะการศึกษาวิชาศาสนาเป็นหน้าที่ของมุสลิมทุกคน อัลบัฆดาดี (ฮ.ศ. 392-463) ได้เสนอให้ผู้สอนใช้หลักสูตรบูรณาการและเชื่อว่าหลักสูตรบูรณาการนี้จะให้ประโยชน์แก่ผู้เรียนเป็นอย่างยิ่ง อัลเฆาะซาลี (ฮ.ศ. 450-505) มีทัศนะเกี่ยวกับหลักสูตรว่า การศึกษาของเด็กๆ ควรเริ่มจากการศึกษาอัลกุรอาน ส่วนการเรียนการสอนวิชาต่างๆ นั้นท่านถือว่าเป็นหน้าที่ของครูผู้สอนที่จะต้องจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับความสนใจและความต้องการของเด็ก เพราะการเรียนรู้วิชาที่ตนเองสนใจจะทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ท่านได้เสนอแนะให้ครูผู้สอนบรรจุทั้งวิชาศาสนาและวิชาทางโลกเข้าไปในหลักสูตร วิชาต่างๆ ที่ท่านเสนอมีดังต่อไปนี้ คือ วิชาการถักร้อย การเกษตร การตัดเย็บ การตัดผม เป็นต้น เกี่ยวกับวิชาพลานามัยหรือวิชาพลศึกษา ท่านเป็นด้วยที่จะให้เด็กได้เรียนวิชาเหล่านี้ เพราะวิชาเหล่านี้จะช่วยใหเด็กมีร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ (อิบรอเฮ็ม ณรงค์รักษาเขต, 2546 : 18 , 61 , 64-65) กล่าวได้ว่า อิสลามได้ให้ความสำคัญต่อการจัดทำหลักสูตรและการพัฒนาหลักสูตร จากการศึกษาประวัติศาสตร์การศึกษาอิสลาม เราจะพบว่าอุละมาอฺ (นักวิชาการ) และนักการศึกษามุสลิมต่างให้ความสำคัญมาโดยตลอด เพราะความสำเร็จของการบริหารการศึกษาเริ่มต้นจากการวางเป้าหมายและหลักสูตรการศึกษาที่ดี
2. การพัฒนากระบวนการเรียนรู้
ท่านศาสดามุฮัมมัดเป็นครู และเป็นครูของบรรดาครู ท่านฝึกอบรมครู ท่านได้เน้นย้ำให้มีจัดการเรียนรู้อย่างเหมาะสม ใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คำนึงถึงช่วงวัย ของผู้เรียน ความแตกต่างระหว่างบุคคล และด้วยวิธีการที่หลากหลาย ตรงประเด็นและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ยุทธนา เกื้อกูล กล่าวว่า รูปแบบการสอนของท่านนบีมุฮัมมัดได้แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ การสอนเป็นรายบุคคล และการสอนเป็นรายกลุ่ม วิธีการสอนของท่านมีความโดดเด่นหลากฟลาย ซึ่งประกอบไปด้วยวิธีสอนที่สำคัญ ได้แก่ วิธีสอนแบบบรรยาย วิธีสอนแบบสาธิต วิธีกสอนแบบอภิปราย วิธีสอนแบบฝึกฝนและปฏิบัติ วิธีสอนแบบใช้คำถาม วิธีสอนแบบตักเตือน วิธีสอนแบบตัรฆีบและตัรฮีบ วิธีสอนแบบอุปมาอุปมัย วิธีสอนแบบเล่าเรื่อง และวิธีสอนโดยแสดงเป็นแบบอย่าง ส่วนเทคนิคการสอนของท่านนบีมุฮัมมัดมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะและมีความหลากหลายเช่นเดียวกัน ซึ่งประกอบไปด้วยเทคนิคที่สำคัญได้แก่ เทคนิคการสอนแบบค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้นตอน เทคนิคการให้ความสำคัญต่อความแตกต่างระหว่างบุคคล เทคนิคการเร้าความสนใจ เทคนิคการใช้สื่อประกอบการเรียนการสอน เทคนิคการสร้างความเป็นมิตรกับผู้เรียน เทคนิคการสอนแบบเน้นย้ำ และเทคนิคการสอนตามกาละเทศะ ท่านนบีมุฮัมมัดมิได้จำกัดวิธีสอนวิธีใดวิธีหนึ่งเป็นการเฉพาะเจาะจงในการสอนแต่ละครั้งของท่าน แต่ท่านจะใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอนตามความเหมาะสมของแต่ละบทเรียนและตามสถานการณ์ที่หลากหลาย (ยุทธนา เกื้อกูล, 2550, บทคัดย่อ) จะเห็นได้ว่า ส่วนหนึ่งจากความสำเร็จในการบริหารงานวิชาการ คือการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ และเรื่องนี้ อิสลามได้ให้ความสำคัญและเน้นย้ำมาโดยตลอดนับตั้งแต่ยุคสมัยของท่านนบีมุฮัมมัดเรื่อยมา
3. การวัดผล ประเมิน และการเทียบโอนผลการเรียน
การวัดผลและประเมินผลการศึกษาของผู้เรียนถือเป็นงานสำคัญของการบริหารการศึกษา ท่านนบีมุฮัมมัดให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ดังปรากฎในบันทึกฮะดีษมีใจความว่า
รายงานจากท่านอุบัยย์ อิบนุ กะอฺบ์ กล่าวว่า ท่านร่อซูลุ่ลลอฮฺ ศ๊อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม กล่าวว่า
“โอ้อะบั้ลมุสซิร ท่านรู้ไหมว่า โองการใดจากคัมภีร์ของอัลลอฮฺที่ท่านจดจำนั้นยิ่งใหญ่ที่สุด?” ท่านอุบัยย์กล่าวว่า ข้าพเจ้าได้ตอบท่านว่า “อัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์รอบรู้ดียิ่ง” ท่านนบีกล่าวอีกว่า “โอ้อะบั้ลมุสซิร ท่านรู้ไหมว่า โองการใดจากคัมภีร์ของอัลลอฮฺที่ท่านจดจำนั้นยิ่งใหญ่ที่สุด?” เขาตอบว่า “คือโองการ ลาอิลาฮ่ะ อิ้ลลา ฮู่วั่ลฮัยยุ่ลก็อยยูม (อายะฮฺกุรซีย์)” เขาเล่าว่า “ท่านนบีได้ตบที่หน้าอกของข้าพเจ้าเบาๆ และกล่าวว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ท่านได้รับความความสุขด้วยสาเหตุแห่งความรู้ของท่านแล้ว โอ้ท่านอะบั้ลมุนซิร” (มุสลิม)
4. การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาเป็นอีกขอบข่ายงานหนึ่งของการบริหารงานวิชาการที่ สำคัญยิ่ง การวิจัยนับเป็นการศึกษารูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า อิสลามส่งเสริมให้ทุกคนศึกษาหาความรู้ นั่นหมายความว่า อิสลามส่งเสริมให้ทำการวิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรักงานที่มีคุณภาพ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ๊อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ได้กล่าวมีใจความว่า
“แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักเมื่อผู้หนึ่งจากพวกท่านปฏิบัติภารกิจใดๆ แล้วเขากระทำมันอย่างประณีต” (บัยฮะกีย์)
5. การพัฒนาสื่อ นวัตกรรมและเทคโนโยลีทางการศึกษา
ท่านนบีมุฮัมมัด เป็นแบบอย่างที่ดีในทุกๆ ด้าน เมื่อท่านสอน ท่านจะสอนด้วยรูปแบบและวิธีการที่หลากหลาย บางครั้งท่านจะจัดบทเรียนโดยใช้สื่อการสอนแบบง่ายๆ มีบันทึกฮะดีษระบุว่า
รายงานจากท่านอะลี อิบนิ อบีฏอลิบ ร่อฎิยั่ลลอฮู่อันฮู่ กล่าวว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ศ๊อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ได้ถือผ้าไหมไว้ในมือขวา และถือทองคำไว้ในมือซ้ายของท่าน แล้วท่านได้กล่าวว่า
มุฮัมมัด เศาะฮาหุดดีน อะลี มุญาวิร (Muhammad Salahuddeen Ali Mujawir, 1983 : 158-159 อ้างในยุทธนา เกื้อกูล, 2550 : 156) กล่าวว่า การใช้สื่อการสอนนั้นเพื่อต้องการำให้สิ่งที่ซ่อนเร้นไม่สามารถสัมผัสได้ และเป็นสิ่งที่ยากในการทำให้บรรลุเป้าหมายได้เข้ามาอยู่ในความรู้สึกและจินตนาการ โดยสามารถใช้สื่อในเรื่องการทำอิบาดะฮฺ มุอามะลาต และอัคลาก ซึ่งการใช้สื่อดังกล่าวสามารถใช้สื่อทางการฟัง การดู หรือการฟังพร้อมกับการดูในเวลาเดียวกันก็ได้หรืออาจจะใช้สื่อต่างๆ ที่สามารถให้ประโยชน์แก่ผู้สอนและผู้เรียน โดยสื่อที่ใช้ดังกล่าวต้องสอดคล้องและเหมาะสมกับสติปัญญาของผู้เรียน สามารถทำให้สิ่งที่คลุมเครือเกิดความกระจ่าง และทำให้สิงที่สงสัยเกิดความมั่นใจ จนทำให้ผู้เรียนมีความสนใจในการเรียนรู้และทำให้การเรียนการสอนตื่นเต้นและเร้าใจ
กล่าวได้ว่า ถือเป็นหน้าที่ของผู้บริหารการศึกษา ที่จะต้องจัดหาจัดเตรียม และส่งเสริมให้มีการพัฒนาสื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษาในสถานศึกษา เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายของการจัดการศึกษาที่ได้วางไว้ อันจะนำมาซึ่งความรักและความพึงพอใจของอัลลอฮฺ ตะอาลา ในที่สุด
6. การพัฒนาแหล่งเรียนรู้
ท่านนบีมุฮัมมัด ได้กล่าวว่า
ส่วนหนึ่งจากนโยบายการศึกษาในมุมมองของอิสลามคือ ทุกคนต้องสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ จะไม่มีใครในสังคมที่ถูกละเลยหรือถูกปิดกั้นจากการศึกษาขั้นพื้นฐาน และถือเป็นหน้าที่ของทุกชุมชน นักการศึกษา ผู้บริหารการศึกษา รวมถึงบุคคลทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องรับผิดชอบและร่วมมือกันก่อตั้งและพัฒนาแหล่งการเรียนให้เกิดขึ้นอย่างมีคุณภาพ ทั้งในและนอกสถานศึกษา
7. การนิเทศการศึกษา
การนิเทศ (สันติ บุญภิรมย์. 2552 : 204) ได้ความหมายของการนิเทศไว้ว่าหมายถึง กิจกรรม หนึ่งในหลายๆ กิจกรรมของการบริหารการศึกษา ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงเงื่อนไขการเรียนรู้และความเจริญงอกงามของผู้เรียน โดยมุ่งให้ผู้สอนได้ปรับปรุงวิธีการสอนและจัดกิจกรรมอื่นควบคู่ไปด้วย จากความหมายดังกล่าว เมื่อเราได้ศึกษาชีวิตของท่านนบีมุฮัมมัด เราจะพบว่าท่านนบีได้ให้ ความสำคัญต่อเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง ดังเช่นกรณีที่ท่านนบีมุฮัมมัดได้ส่งท่านมุอาซ ให้ไปเป็นครูสอนชาวเยเมน โดยก่อนที่จะออกเดินทาง ท่านได้ให้คำแนะนำต่างๆ แก่ท่านมุอาซ (บุคอรีย์ 1496) ท่านนบีมุฮัมมัดได้ส่งท่านอบูอุบัยดะอฺ อิบนุ่ลญัรรอห์ไปสอนนักเรียนคนหนึ่ง และก่อนที่จะไปสอน ท่านได้เน้นย้ำแก่ท่านอบูอุบัยดะฮฺให้ปฏิบัติการสอนและรักษามารยาทต่อผู้เรียนเป็นอย่างดี (อิบนุ อะซากิร อ้างใน อุศูลตัรบิยะฮฺ อันน่ะบะวียะฮฺ)
9. การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ถือมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะ มันเป็นอะมานะฮฺ (ความรับผิดชอบ) ที่ผู้บริหารและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะต้องทุ่มเทแรงกาย แรงใจ และทรัพยาการ เพื่อพัฒนาให้เกิดคุณภาพ เนื่องจากไม่ใช่เพียงแค่การต้องตอบคำถามมนุษย์เท่านั้น แต่ในอาคิเราะฮฺ ผู้บริหารและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนจะต้องไปตอบคำถามอัลลอฮฺ ตะอาลา ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัร ได้รายงานว่า ท่านนบีมุฮัมมัดได้กล่าวมีใจความว่า
8. การแนะแนวการศึกษา
การแนะแนวการศึกษาจะเริ่มตั้งแต่วันแรกของนักศึกษาที่เข้าสู่สถานศึกษา และดำเนินไป จนถึงการสิ้นสุดการเรียนเพื่อไปประกอบอาชีพและการศึกษาต่อในระดับสูง ประกอบด้วยกิจกรรม 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ กิจกรรมช่วยเหลือนักศึกษาด้านการเรียน คือ การให้ข้อสนเทศทางการเรียนการศึกษาต่อ การทำงานเพื่อหารายได้ระหว่างเรียน การติดต่อขอรับทุนทางการศึกษาวารสารและหนังสือทางราชการแนะแนวทางการศึกษา ประการที่สอง การช่วยเหลื่อนักศึกษาด้านการปรับตัว ส่งเสริมทางด้านสติปัญญา ตลอดจนความเข้าใจในเรื่องความสามารถของตนเองให้สามารถตัดสินใจเพื่อมุ่งความสำเร็จทางด้านการศึกษา ความสามารถทั่วไป ความถนัดเฉพาะ ค่านิยม การค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลและนักศึกษาที่มีแนวโน้มของความเคลื่อนไหวด้านพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ อัลเฆาะซาลี (อิบรอเฮ็ม ณรงค์รักษาเขต, 2546 : 65-66) กล่าวว่า ครูต้องมีความเมตตาต่อนักเรียน และปฏิบัติต่อเขาเสมือนว่าเขาทั้งหลายเป็นลูกๆ ของตน นอกจากนี้ครูต้องให้คำชี้แนะแก่นักเรียน ฉะนั้นงานแนะแนวการศึกษาจึงเป็นหน้าที่สำคัญของครูและผู้บริหารสถานศึกษา
10. การส่งเสริมความรู้ด้านวิชาการแก่ชุมชน
ความรับผิดชอบในการบริหารการศึกษามิได้จำกัดอยู่แต่เพียงในสถานศึกษาเท่านั้น แต่เป็น ภารกิจของผู้บริหารจะต้องรณรงค์และส่งเสริมความรู้ด้านวิชาการแก่ชุมชนด้วย และนี่เป็นอีกนโยบายทางด้านการศึกษาของอิสลามอีกนโยบายหนึ่งที่ต้องการขยายเครือข่ายการศึกษาเข้าสู่ทุกๆ ชุมชน ท่านนบีมุฮัมมัด ได้กล่าวว่า
11. การประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถานศึกษาอื่น และ
12. การส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงาน และสถาบันอื่นที่จัดการศึกษา
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาแห่งการแบ่งปัน และส่วนหนึ่งจากแนวทางการจัดการศึกษาใน อิสลามก็วางอยู่บนพื้นฐานแห่งการแบ่งปัน ประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถานศึกษาอื่น อัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัส ความว่า
ท่านอบูฮู่รอยเราะฮฺรายงานว่า ท่านนบีมุฮัมมัด ได้กล่าว ความว่า
การบริหารงานวิชาการในสถานศึกษาเป็นงานที่ต้องใช้ความรับผิดชอบในระดับที่สูง เป็นงานที่เราจะต้องตั้งใจ ทุ่มเท แน่วแน่ เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์และศิลป์ มันไม่ใช่งานเพียงแค่กระทำลงในกระดาษและขึ้นป้ายโฆษณา แต่มันเป็นงานที่ต้องพยายามกับหัวใจและพฤติกรรมของผู้คน อีกทั้งยังเป็นงานหลักของการบริหารการศึกษา ความสำเร็จในการบริหารสถานศึกษาจะเกิดขึ้นหรือไม่ อย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับการบริหารงานวิชาการเป็นสำคัญ จึงจำเป็นที่ผู้บริหารตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะต้องตั้งใจให้บริสุทธิ์ใจ (อิคลาศ) ต่ออัลลอฮฺ ตะอาลา ดำเนินงานและกิจกรรมทุกอย่างในโรงเรียนโดยไม่ขัดต่อคำสอนของศาสนา ไม่ผิดเพี้ยนไปจากแบบอย่างอันงดงามของท่านนบีมุฮัมมัด อดทน อดกลั้น ทำงานร่วมกันเป็นญะมาอะฮฺ ด้วยความสุขุม รอบคอบ และขอความสำเร็จในทุกๆ ภารกิจจากอัลลอฮฺ ตะอาลา พร้อมทั้งมอบหมายต่อพระองค์ เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราเคารพภักดี และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เราขอความช่วยเหลือ.
บรรณานุกรม
นิเลาะ แวอุเซ็ง. (2559). การจัดการการศึกษาในอิสลาม แนวคิดสู่การปฏิบัติ. ปัตตานี : วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี.
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. (2546). การบริหารงานวิชาการ. กรุงเทพฯ : ศูนย์สื่อเสริมกรุงเทพฯ.
ภาวิดา ธาราศรีสุทธิ. (2556). การบริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
ยุทธนา เกื้อกูล. (2550). วิทยาการสอนของท่านนบีมุฮัมมัด. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย. ปัตตานี : มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
สันติ บุญภิรมย์. (2552). การบริหารงานวิชาการ. กรุงเทพฯ : บุ๊ค พอยท์. อิบรอเฮ็ม
ณรงค์รักษาเขต. (2546). ประวัติการศึกษาอิสลาม. ปัตตานี : วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี.