คำอธิบาย
“ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซัลลัม ผู้เป็นที่รักยิ่งของฉัน ได้สั่งเสียฉัน” ในตัวบทฮะดีษระบุว่า ท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ได้สั่งเสียท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮู่อันฮู่ นักวิชาการได้อธิบายว่า คำสั่งเสียนี้ครอบคลุมผู้ที่เป็นอุมมะฮฺของท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ทุกคน
“ให้ถือศีลอด 3 วัน ในทุกๆ เดือน” จากตัวบทฮะดีษ เปิดกว้าง (มุฏลัก) จะถือศีลอดทั้ง 3 วัน ในวันใดก็ได้ มิได้เจาะจงว่าต้องเป็นวันใด แต่นักวิชาการบางส่วนกล่าวว่า ที่ประเสริฐยิ่ง (อัฟฎ้อล) ควรถือศีลอดทั้ง 3 วันนั้น ในช่วงกลางเดือนตามจันทรคติ ซึ่งมันถูกเรียกว่า
“อัยยามุ่ลบัยฎ์” (บรรดาวันขาว) คือวันที่ 13 , 14 , 15 ของทุกๆ เดือน เนื่องจากมีฮะดีษส่งเสริมให้ถือศีลอดในวันดังกล่าว การถือศีลอดในวันดังกล่าวจะได้ภาคผลเท่ากับการถือศีลอด 1 เดือน ทั้งนี้ ตามการพิจารณาที่ว่า ทำความดีหนึ่งความดี ได้รางวัลตอบแทนจากอัลลอฮฺ ตะอาลา เท่ากับสิบความดี
“ละหมาดดุฮา 2 ร็อกอะฮฺ” ละหมาดนี้ถูกเรียกว่า ละหมาดดุฮา เนื่องจากศาสนาให้ปฏิบัติละหมาดนี้ในเวลาสาย (ดุฮา) เวลาของการละหมาดดุฮาเริ่มตั้งแต่เมื่อตะวันขึ้นสูงประมาณระยะเท่ากับหนึ่งด้ามหอก และจะหมดเวลาเมื่อประมาณก่อนตะวันคล้อย (ซะวาล) เล็กน้อย
ในหนังสือฮาชิยะฮ์อิอานะตุฏฏอลิบีน ว่าด้วยฟิกฮ์มัซฮับชาฟิอีย์ ได้กล่าวว่า “เวลาละหมาดดุฮาเริ่มตั้งแต่ดวงตะวันขึ้นสูงประมาณเท่ากับหนึ่งด้ามหอก และหมดเวลาเมื่อตะวันคล้อย (ซะวาล) ที่ดีแล้ว (อิคติยาร) ควรปฏิบัติละหมาดดุฮาเมื่อเวลาเศษหนึ่งส่วนสี่ของเวลากลางวันได้ผ่านพ้นไปแล้ว กล่าวคือ เพื่อที่ว่า ทุกๆ เศษหนึ่งส่วนสี่ของเวลากลางวันจะได้มีการละหมาด ในช่วงเวลาเศษหนึ่งส่วนสี่แรกของเวลากลางวันได้ละหมาดศุบฮิ ในช่วงเวลาเศษหนึ่งส่วนสี่ที่สอง ได้ละหมาดดุฮา ในช่วงเวลาเศษหนึ่งส่วนสี่ที่สาม ได้ละหมาดดุฮฺริ และในช่วงเศษหนึ่งส่วนสี่ที่สี่ ได้ละหมาดอัศรี่ เนื่องจากมีฮะดีษเศาะฮีห์ระบุว่าเวลาที่ดี (อัลวักตุล มุคตาร) ของการละหมาดดุฮาคือ เมื่อเวลาเศษหนึ่งส่วนสี่ของเวลากลางวันได้ผ่านไป (ฮาชิยะฮ์อิอานะตุฏฏอลิบีน เล่ม 1 หน้า 255)
ท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม กล่าวว่า “ละหมาดเอาวาบีน (ละหมาดดุฮา) เมื่อเวลาที่ (แสงแดดส่องจนกระทั่ง) ลูกอูฐร้อนและลุกขึ้น” (รายงานโดยมุสลิม จากการบอกเล่าท่านซัยด์ อิบนุ อัรกอม)
จำนวนอย่างน้อยที่สุดของละหมาดดุฮาคือ 2 ร็อกอะฮฺ และที่ประเสริฐที่สุด (อัฟฎอล) คือจำนวน 8 ร็อกอะฮฺ (ควรละหมาดทีละ 2 ร็อกอะฮฺ)
คุณค่าของการละหมาดดุฮา
มีฮะดีษระบุ มีใจความว่า จากท่านอบีซัรร์ ร่อฎิยั่ลลอฮู่อันฮู่ จากท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม กล่าวว่า
“และให้ฉันละหมาดวิตรก่อนนอน” ละหมาดวิตรเป็นละหมาดสุนัต เราสามารถปฏิบัติละหมาดวิตรได้ตั้งแต่ภายหลังจากละหมาดฟัรดูอิชาอ์เรื่อยไป และจะหมดเวลาละหมาดวิตรเมื่อเข้าเวลาฟัรดูศุบฮิ ละหมาดนี้ถูกเรียกชื่อว่า “ละหมาดวิตร (คี่)” เนื่องจากละหมาดนี้จะถูกปฏิบัติเป็นจำนวนคี่ กล่าวคือ หนึ่งร็อกอะฮฺ สามร็อกอะฮฺ หรือห้าร้อกอะฮฺ และขั้นต่ำของความสมบูรณ์คือละหมาดวิตรจำนวน 3 ร็อกอะฮฺ
ฮะดีษนี้ท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ได้สั่งเสียท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮู่อันฮู่ ให้ละหมาดวิตรก่อนนอน เป็นไปได้ว่า ท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม เกรงว่าท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮู่อันฮู่ จะนอนจนกระทั่งเลยเวลาของการละหมาดวิตร จริงๆ แล้วฮะดีษนี้ไม่ได้ขัดแย้งกับฮะดีษที่บอกเล่าโดยท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮู่อันฮา (มุตตะฟะกุนอะลัยฮิ์) ที่ระบุว่า เวลาของการละหมาดวิตรจะสิ้นสุดเมื่อเข้าสู่เวลารุ่งอรุณ เพราะฮะดีษแรก ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ต้องการระมัดระวังและป้องกันไว้ก่อน (อิห์ติยาฏ) ส่วนฮะดีษหลังนั้นสำหรับตัวท่านเองและสำหรับบุคคลที่คาดว่าจะตื่นมาละหมาดได้ทันในเวลา
บทเรียนที่ได้รับ
1. ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยั่ลลอฮู่อันฮู่ ภาคภูมิใจที่ได้ใกล้ชิดกับท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม
2. คำสั่งเสียจากท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ที่เราทุกคนจะต้องให้ความสำคัญและปฏิบัติตาม 3 ประการคือ ถือศีลอดสุนัตทุกเดือนๆ ละ 3 วัน ละหมาดดุฮาอย่างน้อย 2 ร็อกอะฮฺ และละหมาดวิตรเป็นประจำ
3. การให้ทานนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในรูปแบบของทรัพย์สินแต่เพียงอย่างเดียว เราสามารถให้ทานได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การกล่าวคำซิกรุ่ลลอฮฺ (คำรำลึกถึงอัลลอฮฺ ตะอาลา) รวมถึงการกำชับกันให้ทำความดี และห้ามปรามกันมิให้กระทำบาป (ฮะรอม) เป็นต้น