1 นาทีในการอ่าน
คุตบะฮ์ : อย่าลำพองในความดีที่ทำ

โดย อาจารย์เกียรติ (ยะกู๊บ) ท้วมประถม (ร่อฮี่มะฮุ้ลลอฮ์)

ท่านพี่น้องผู้ที่มีความยำเกรงตักวาพร้อมด้วยมีศรัทธาต่ออัลเลาะห์ ซ.บ. ที่รักทั้งหลาย การที่เราแต่ละคนทำละหมาดฟัรดูห้าเวลาได้เป็นผลสำเร็จติดต่อกันเป็นประจำ การที่เราแต่ละคนถือศีลอดในเดือนรอมฎอนได้เรียบร้อยครบถ้วน การที่เราสนใจเลื่อมใสอยากที่จะมามัสยิด อยากทำความดีในประการต่างๆ ตามที่ศาสนาใช้ การที่คนในครอบครัวลูกเมียของเราเตือนกันง่าย แนะนำกันได้ สอนสั่งให้ดำเนินชีวิตอยู่ในบัญญัติของศาสนาก็เชื่อฟังกัน

ทั้งหมดนั้นนับเป็นวาสนา เป็นโชคลาภที่ยิ่งใหญ่ที่เราแต่ละคนแต่ละครอบครัวได้รับเนี๊ยะอฺมัต ได้รับพระเมตตาจากองค์อัลเลาะห์ ซ.บ. โดยเฉพาะเจาะจง ไม่ใช่เป็นที่ตัวเราดีเอง ไม่ใช่เป็นเพราะเรามีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ดี ไม่ใช่เพราะเราเกิดในวงศ์ตระกูลดี แต่เป็นเพราะเราต่างได้รับพระเมตตาจากองค์พระผู้อภิบาลทรงประทานฮิดายะห์ เปิดทางนำแก่หัวใจของเรา ทรงปรานีให้เราเข้ามาอยู่ในเราะห์มัตความเมตตาของพระองค์จึงขอให้เราชุกุร สำนึกกตัญญูให้มาก จงรักษาปกป้องอย่าเปลี่ยนแปลงตัเราให้ล่องลอยไปตามสังคมสิ่งแวดล้อมที่ชั่ว อย่าไปคล้อยตามคนที่ไร้ศรัทธา อย่าไปเห็นดีเห็นชอบกับสิ่งชั่วสิ่งเลวในหนทางที่ศาสนาไม่ยินดี เพราะเราอาจถูกปิดหัวใจกลายเป็นมุสลิมประเภทที่เห็นความชั่วเป็นความดี เบื่อหน่ายต่อการทำอิบาดะห์ ละเมิดบัญญัติข้อห้ามของศาสนาอย่างที่มุสลิมจำนวนไม่ใช่น้อยถูกปิดกั้นฮิดายะห์หมดทางนำ มีแต่ทางตันไปสู่ความหลงผิด เพราะความชั่วความเลวที่เขาไปมั่วสุมจนทิ้งละหมาด หนีมัสยิด ลืมถือศีลอด สิ้นทางปลอดภัยในโลกหน้าอาคิเราะห์

ดังนั้นตัวเราหรือคนในครอบครัวของเรา ลูกเมียเรา เป็นคนที่รักชอบในการปฏิบัติความดีตามที่ศาสนาใช้ มีความยำเกรงต่อการลงโทษของอัลเลาะห์ ซ.บ. ไม่ยอมทำชั่ว ไม่ยอมเนรคุณละเมิดเรื่องห้าม นั่นแสดงว่า เราเป็นผู้ที่มีอีหมานศรัทธามั่นคงแล้ว เราได้รับฮิดายะห์แล้ว องค์พระผู้อภิบาลทรงเมตตาแก่เราแล้ว จึงขอให้เรามีความชุกุร สำนึกพร้อมด้วยปกป้องการดำเนินชีวิตของเราให้มั่นอยู่ในความดีเช่นนั้นตลอดเรื่อยๆ ไป อย่าเปลี่ยนทิศทาง เพราะเราได้รับการคัดเลือกให้เป็นมนุษย์ที่มีศรัทธาอยู่ในหนทางที่เที่ยงตรงของศาสนาแล้ว

ในพระคัมภีร์อัลกุรอานซูเราะห์อัรเราะอฺดุ อายะห์ที่ 31 องค์พระผู้อภิบาลทรงตรัสให้เราสำนึกในเรื่องนี้ว่า ซึ่งมีใจความว่า

"อันการงานทั้งหลายทั้งสิ้นนั้นล้วนแต่เป็นสิทธิของอัลเลาะห์หาได้มีใครอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ แล้วปวงชนผู้ศรัทธายังไม่รู้อีกหรือว่า มาดแม้นอัลเลาะห์ทรงประสงค์แล้ว พระองค์ย่อมทรงชี้นำแก่มวลมนุษย์ทั้งสิ้นให้มีศรัทธาทั่วกันหมดโดยไม่มีเหลือคนไร้ศรัทธาไว้อีกเลย แต่พระองค์ก็มิได้ทรงประสงค์เช่นนั้น ทรงให้มีศรัทธาก็เฉพาะแต่คนที่พระองค์ทรงมุ่งหมายเท่านั้น"

ดังนั้นหากตัวเราศรัทธามั่น ปฏิบัติแต่เรื่องความดี หมั่นศึกษาหาความรู้ในด้านศาสนา ดูแลครอบครัวให้ทุกคนดำเนินชีวิตตามบัญญัติของศาสนา นั่นแหละคือ เครื่องหมายบอกให้เรารู้ว่า ตัวเราและคนในครอบครัวของเราได้รับพระเมตตา ได้รับฮิดายะห์จากองค์พระผู้อภิบาลแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน

ไม่มีมนุษย์คนใด ไม่มีรอซูลท่านใด และไม่มีมะลาอิกะห์องค์ไหน ที่จะมาเปิดหัวใจของเราให้เลื่อมใสศรัทธาได้ นอกจากองค์พระผู้อภิบาลทรงเปิดหัวใจให้เท่านั้น เป็นเอกสิทธิของพระองค์ จึงขอให้เราอย่าลำพองในความดีที่เรามี อย่าเอาความดีที่เราทำเที่ยวได้ไปโอ้อวดใคร จงชุกุร สำนึกในพระเมตตาจากองค์พระผู้อภิบาลไว้ให้มาก เพราะเราได้รับฮิดายะห์จากพระองค์ให้จิตใจของเราเปิดกว้างในหนทางของศาสนา

ในอัลกุรอานซูเราะห์อัลกอซ้อซ อายะห์ที่ 56 พระผู้อภิบาลทรงตรัสว่า ซึ่งมีใจความว่า

"โอ้มุฮัมมัด แท้จริงตัวเจ้านั้นไม่มีอำนาจที่จะชี้นำบุคคลที่เจ้ารักได้หรอก แม้นเจ้าจะมีความตั้งใจอย่างเหลือเกินที่จะให้เขาผู้นั้นได้รับทางนำสู่แนวทางของศาสนาอิสลาม แต่ทว่าอัลเลาะห์จักทรงชี้นำแก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์ทรงรอบรู้ในบรรดาผู้ได้รับการชี้นำทั้งหลาย"

โองการนี้ทรงประทานมาให้ เมื่อท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะชักชวนลุงของท่าน คือท่านอบูตอลิบ ให้เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ

ถึงแม้ว่าทุกสิ่งเป็นสิทธิของอัลเลาะห์ ซ.บ. แต่เราก็ต้องมีหน้าที่ตักเตือนกัน แนะนำกัน ให้ความรู้กัน สั่งสอนกัน มีหน้าที่เผยแผ่ความจริงให้ความรู้กันในเรื่องของศาสนาหากเราพอที่จะมีความรู้ ส่วนเมื่อเราสอนไปแล้ว แนะนำไปแล้ว ตักเตือนใครไปแล้วจะเกิดผลหรือไม่ เขาจะเชื่อเราแค่ไหน เขาจะตามเราหรือไม่เชื่อเรา เรื่องนั้นไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่สิทธิของเราแล้ว เป็นการงานของอัลเลาะห์ ซ.บ. ที่จะทรงประทานทางนำหรือเปิดหัวใจให้แก่ใคร ใครจะเชื่อใครจะศรัทธา ใครจะน้อมรับหรือปฏิเสธ ก็สุดแล้วแต่องค์อัลเลาะห์ ซ.บ. จะทรงมุ่งหมาย

แม้แต่ท่านอบูตอลิบ ลุงผู้เคยอุปการะเลี้ยงดูอุ้มชูท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม มาตั้งแต่เยาว์วัย ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม มุ่งมาดปรารถนาอย่างแรงกล้า อยากที่จะให้ลุงของท่านเข้ารับการปฏิญาณ กล่าวกะลิมะห์ ชะฮาดะห์ ไม่ว่าจะแนะนำ อ้อนวอน ขอร้องขนาดไหน ก็ไม่เป็นผล เพราะองค์อัลเลาะห์ ซ.บ. ไม่ทรงมุ่งหมายเช่นนั้น ดังนั้นจงชุกุรให้มากเถิดที่เราได้เกิดมาเป็นมุสลิมผู้มีศรัทธา

อ้างอิงหนังสือคุตบะฮ์วันศุกร์ โดย ฮัจยียะก๊บ ท้วมประถม เล่ม 6 หน้า 7-13