มุฮัมมัดอาดัม (เสรี) พวงมณี
28 Jun
28Jun

รายงานจากท่านอบีฮุรอยเราะฮ์ ร่อฎิยั่ลลอฮู่อันฮู่ แท้จริงท่านร่อซูลุ่ลลอฮ์ ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ได้กล่าวว่า “พวกท่านทราบไหมว่า การนินทา (ฆีบะฮ์) คืออะไร พวกเขาตอบว่า “อัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์ทรงทราบดี” ท่านร่อซูลุ่ลลอฮ์ กล่าวว่า “คือการที่ท่านพูดถึงพี่น้องของท่านในสิ่งที่เขาไม่พอใจ” มีบางคนกล่าวว่า “ท่านเห็นอย่างไร หากเขาเป็นจริงตามที่ฉันพูด” ท่านร่อซูลตอบว่า “หากสิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็นจริง นั่นเท่ากับท่านได้นินทาเขา และหากมันไม่เป็นจริงตามที่ท่านพูด นั่นเท่ากับท่านได้ใส่ร้ายเขาแล้ว” (บันทึกโดยมุสลิม ในหนังสือศ่อฮีห์มุสลิม หมายเลย 2589)

อิสลามเป็นระบอบแห่งการดำเนินชีวิต อิสลามห้ามการกระทำหรือพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ ด้วยเหตุนี้อิสลามจึงถือว่าการนินทา (ฆีบะฮ์) นั้นเป็นที่ต้องห้าม (ฮะรอม) และเป็นบาปใหญ่ ซึ่งจะส่งผลเสียแก่ผู้ที่นินทาและสังคม เพราะการนินทาเปรียบเสมือนการกินเนื้อของพี่น้องมุสลิมที่ตายไปแล้ว การนินทาเลวร้ายยิ่งกว่าการซินา นำมาซึ่งความจงเกลียดจงชัง หรือมองกันในแง่ร้าย เมื่อใดที่การนินทาเกิดขึ้น ความสมานฉันท์ในสังคมจะค่อยๆ หมดไป บางครั้งผู้ที่นินทา (ฆีบะฮ์) กระทำการนินทาไปก็เพราะความอิจฉา (ฮะซัด) ผู้อื่น หรือคิดว่าตนเองนั้นดีกว่า (อุญุบ) ผู้อื่น ด้วยเหตุนี้ การนินทาของเขาจะส่งผลเสียแก่เขา เพราะมันจะทำลายล้างอะมั้ลความดีต่างๆ ที่เขาได้เคยพากเพียรไว้ให้สูญสิ้นไป 

ในวันกิยามะฮ์ ผู้ที่เคยนินทาผู้อื่นจะต้องประสบกับความหายนะ เขาจะเป็นผู้ที่ขาดทุนล้มละลาย ความดีของเขาจะถูกมอบไปให้แก่ผู้ที่เขาเคยนินทา หากเขาเคยนินทาผู้อื่นไว้มาก ความดีที่เขาเคยเพียรพยายามไว้ไม่พอที่จะชดใช้หนี้กรรมนี้ได้ อัลลอฮ์ ตะอาลา ให้ให้นำเอาบาปที่ผู้ที่ถูกเขานินทานั้นมามอบให้แก่เขา เท่ากับว่า เขารับบาปกรรมความชั่วของเขาเองก็มากพออยุ่แล้ว หนำซ้ำเขายังต้องแบกรับบาปกรรมของผู้อื่นอีกด้วย แบบนี้ที่ท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม บอกว่าเขาคือ “คนล้มละลาย”

อัลลอฮ์ ตะอาลา ตรัสมีใจความว่า

ความว่า “ โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย! พวกเจ้าจงปลีกตัวให้พ้นจากส่วนใหญ่ของการสงสัย แท้จริงการสงสัยบางอย่างนั้นเป็นบาป และพวกเจ้าอย่าสอดแนม และบางคนในหมู่พวกเจ้าอย่านินทาซึ่งกันและกัน คนหนึ่งในหมู่พวกเจ้านั้นชอบที่จะกินเนื้อพี่น้องของเขาที่ตายไปแล้วกระนั้นหรือ? พวกเจ้าย่อมเกลียดมัน และจงยำเกรงอัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ” (ซูเราะฮ์อัลฮุญุรอต : 12)

มีฮะดีษระบุว่า

ความว่า รายงานจากท่านอิบนุอับบาส ร่อฎิยั่ลลอฮู่อันฮู่มา กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ได้ผ่านไปที่หลุมฝังศพสองหลุม ท่านได้กล่าวว่า “เขาทั้งสองกำลังถูกลงโทษ พวกเขามิได้ถูกลงโทษในเรื่องใหญ่เลย คนแรกนั้นไม่ยอมปัสสาวะในที่มิดชิด ส่วนอีกคนหนึ่งเขามักเดินยุแหย่ผู้คนให้ทะเลาะกัน (นะมีมะฮ์) ต่อมาท่านนบีได้เอาก้านอินทผาลัมมาและแบ่งมันออกเป็นสองส่วน ท่านได้ปักมันลงบนหลุมศพทั้งสองนั้น พวกเขาจึงกล่าวว่า “โอ้ท่านร่อซูลุ่ลลอฮ์ เพราะเหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้” ท่านร่อซูลุ่ลลอฮ์ตอบว่า “หวังว่ามันจะเป็นสาเหตุให้ผู้ที่อยู่ในสองหลุมนี้ได้รับการบรรเทาจากบาป ตราบใดที่กิ่งอินทผาลัมทั้งสองส่วนนี้ยังไม่แห้ง” (มุตะฟะกุนอะลัยฮิ์ ในหนังสือศ่อฮีห์อัลบุคอรีย์ 218)

มีฮะดีษระบุอีกว่า

รายงานจากท่านอบีฮุรอยเราะฮ์ ร่อฎิยั่ลลอฮู่อันฮุ่ กล่าวว่า ท่านร่อซูลุ่ลลอฮ์ ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม กล่าวว่า “ผู้ใดที่เคยทุจริตพี่น้องของเขา ไม่ว่าในเรื่องเกียรติยศหรือเรื่องใดก็ตาม เขาจงของอภัยจากพี่น้องของเขาเสียแต่วันนี้ ก่อนที่ (จะถึงวันที่) เหรียญทอง (ดีนาร) และเหรียญเงิน (ดิรฮัม) จะไม่มีประโยชน์ใดๆ (ในวันนั้น-วันกิยามะฮ์) หากเขามีอะมั้ลความดีใดๆ อะมั้ลความดีนั้นจะถูกนำไปชดใช้ให้แก่ผู้ที่เคยถูกทุจริต ครบตามจำนวนที่เขาเคยทุจริต หากเขาไม่หลงเหลือความดีใดๆ แล้ว เขาจะต้องรับบาปกรรมความชั่วต่างๆ ที่พี่น้องของเขาเคยกระทำมาแบกรับไว้เอง” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ ในหนังสือศ่อฮีห์อัลบุคอรีย์ 2449) 

สรุปบทเรียน

1. การนินทา (ฆีบะฮ์) คือการพูดถึงพี่น้องในสิ่งที่เขาไม่ชอบ ซึ่งเป็นบาปและส่งผลเสียต่อสังคม ทั้งความเสียหายทางจิตใจและความสัมพันธ์ในชุมชน 

2. ถ้าสิ่งที่พูดเป็นความจริง ก็เท่ากับนินทา หากไม่เป็นความจริง ก็เท่ากับใส่ร้าย เป็นการละเมิดเกียรติของผู้อื่น 

3. การนินทาเป็นบาปร้ายแรงในอิสลามและเป็นสิ่งต้องห้าม (ฮะรอม) ซึ่งทำลายความสมานฉันท์ในสังคมและเกิดความเกลียดชัง 

4. วันกิยามะฮ์ ผู้ที่นินทาจะได้รับผลกรรม เป็นการสูญเสียความดีและรับบาปจากผู้อื่นด้วย หากมีความดีน้อยจะต้องแบกรับบาปของผู้อื่นไว้ 

5. ผู้ที่ทุจริตต่อพี่น้องของเขา ในเรื่องเกียรติยศหรือสิ่งอื่นใด ควรขอภัยและชดเชยก่อนวันกิยามะฮ์

ความคิดเห็น
* อีเมลจะไม่ถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์