คุณยอมรับได้ไหม ถ้าคนรักของคุณหันหลังจากไปในวันที่คุณรู้สึกยุ่งยากอย่างที่สุด ... คุณจะเป็นอย่างไร ถ้าในวันที่คุณยากลำบาก แล้วคุณถูกทิ้งไว้แต่เพียงลำพัง ... คุณคงคิดว่า "ไม่" ... พวกเขาย่อมไม่ทำเช่นนั้นกับคุณอย่างแน่นอน ... ใช่ไหม?
คุณเคยอุ้มลูกๆ ป้อนข้าวป้อนน้ำพวกเขา เลี้ยงดู พะเน้าพะนอพวกเขา ยอมอดหลับอดนอนในวันที่พวกเขาป่วย ตัวร้อน คุณจูงมือพวกเขาไปส่งคุณครูที่โรงเรียน ให้เขาในสิ่งที่เขาอยากได้ ... คุณรักลูกๆ และคุณก็เข้าใจว่า พวกเขารักคุณ ... พวกเขาไม่มีวันทอดทิ้งคุณ ใช่ไหม?
คุณดูแลภรรยาของคุณ ป้อนอาหารใส่ปากเธอ คุณเก็บเงินเพื่อให้ของขวัญชิ้นใหญ่แก่เธอ คุณยอมเหนื่อยตั้งแต่เช้าจรดเย็น เพื่อเธอ ... คุณบอกรักเธอ แล้วเธอก็บอกรักคุณ ... คุณมั่นใจว่า เธอรักคุณ ... และเธอก็แน่ใจว่า คุณรักเธอ ... "เราจะอยู่ด้วยกัน ไม่ทอดทิ้งกัน" นั่นคือสิ่งที่คุณทั้งสองสัญญาต่อกัน
สำหรับผู้หญิง ... คุณดูแลบ้านช่องของสามี ดูแลลูกๆ สองสามี ต้นเดือนสามีหยิบยื่นซองให้คุณ ... แต่บางครั้งก่อนจะสิ้นเดือน คุณก็หยิบยื่นซองนั้นส่งคืนให้แก่เขา ช่วยเหลือเขา เป็นกำลังใจให้เขา ... นั่นเป็นเพราะคุณรักเขา ... จึงเอาใจเขา ... และเขาก็รักคุณ
อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงเล่าถึงสถานการณ์ในวันกิยามะฮ์ วันแห่งการพิพากษาไว้ว่า
"วันที่ผู้คนจะหนีจากพี่น้องของเขา และจากแม่ของเขา และพ่อของเขา และจากภริยาของเขา และลูก ๆ ของเขา สำหรับแต่ละคนในหมู่พวกเขาในวันนั้น มีภาระพอตัวเขาอยู่แล้ว" (ซูเราะฮ์ อะบัส : 34-37)
ความรักงดงามเสมอ การทะนุถนอม เอาใจใส่ต่อกันและกันเป็นที่งดงามที่อิสลามปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้เกิดขึ้นแก่ทุกครอบครัว ทุกชุมชน และทุกสังคม
เพียงแต่ว่า ทำอย่างไรที่เราจะเพิ่มการเอาใจใส่ต่ออะมั้ล -คุณงามความดี - ตามครรลองของศาสนา ... ที่อัลลอฮ์ทรงพึงพอพระทัย ทั้งอะมั้ลของตัวเรา อะมั้ลของคนในครอบครัวเรา ตลอดจนอะมั้ลของผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเรา
การเอาใจใส่ทางด้านความรู้สึกและวัตถุปัจจัย เป็นสิ่งที่พึงกระทำต่อกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือการเอาใจในเรื่องอีหม่าน และอะมั้ล-คุณงามความดี- ทั้งของตัวเองและผู้อื่น เพราะในวันแห่งการพิพากษา แต่ละคนจะมีแต่ความยุ่งยากกังวล ไม่สามารถเอาใจใส่ หรือสนใจใครได้ นอกจากตัวเอง