มุฮัมมัดอาดัม (เสรี) พวงมณี
12 Jun
12Jun

เล่าจากท่านนุอ์มาน อิบนุ บะชีรฺ ร่อฎิยั่ลลอฮู่อันฮู่ กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านร่อซูลุ่ลลอฮฺ ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม กล่าวว่า - และท่านนุอ์มานได้ใช้นิ้วมือทั้งสองของท่านชี้ไปที่หูทั้งสองท่าน- 

“แท้จริงสิ่งที่ศาสนาอนุมัติ (ฮะลาล) นั้นชัดเจน และแท้จริงสิ่งที่ศาสนาห้าม (ฮะรอม) นั้นชัดเจน สิ่งที่อยู่ระหว่างมันทั้งสองนั้นคลุมเครือ (มุชตะบิฮาต) คนส่วนใหญ่ไม่รู้ (ว่ามันฮะลาลหรือฮะรอม) ดังนั้นผู้ใดป้องกันตนเองจากสิ่งที่คลุมเครือ แน่นอนเขาได้ทำให้ศาสนาและเกียรติยศของเขาปลอดภัย และผู้ใดตกอยู่ในสิ่งที่คลุมเครือ เท่ากับเขาได้ตกลงไปในสิ่งที่ศาสนาห้าม (ฮะรอม) เสียแล้ว เปรียบดั่งคนเลี้ยงสัตว์ที่ได้นำสัตว์ไปเลี้ยงใกล้ๆ กับเขตหวงห้าม เกือบแล้วที่สัตว์เลี้ยงจะเข้าไปกัดกินในเขตหวงห้ามนั้น พึงทราบเถิดว่า กษัตริย์ทุกพระองค์มีเขตหวงห้ามส่วนพระองค์ พึงทราบเถิดว่า เขตหวงห้ามของอัลลอฮฺคือสิ่งที่พระองค์ทรงห้ามไว้ พึงทราบเถิดว่า ในร่างกายมีเนื้ออยู่ก้อนหนึ่ง เมื่อเนื้อก้อนนั้นดี ร่างกายทั้งหมดก็ดีด้วย และเมื่อใดที่ก้อนเนื้อนั้นเสียหาย ร่างกายทั้งหมดก็เสียหายด้าย พึงทราบเถิด ก้อนเนื้อนั้นคือหัวใจ” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ 52 และมุสลิม 1599)

คำอธิบาย 

1. ฮะดีษนี้ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ได้ใช้นำให้อุมมะฮฺของท่านดำเนินชีวิตด้วยความระมัดระวังตน (วะเราะอ์) จากการประพฤติผิดบาป และให้ออกห่างจากสิ่งที่เคลือบแคลงสงสัย (มุชตะบิฮาต) ทั้งปวง 

2. ท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ได้อธิบายว่าสิ่งที่ศาสนาอนุมัติ (ฮะลาล) คือทุกๆ กิจการที่ไม่มีหลักฐานใดๆ จากอัลกุรอาน อัลฮะดีษ มติของปวงปราชญ์มุสลิม (อิจญ์มาอ์) หรือการเทียบเคียงหลักการ (กิยาส) มาชี้ว่ามันเป็นที่ต้องห้าม (ฮะรอม) เนื่องจากหลักการพื้นฐานในทุกๆ กิจการนั้นเป็นที่ยอมให้กระทำได้ (อิบาหะฮ์)  

3. สิ่งที่ศาสนาห้าม (ฮะรอม) ก็เช่นเดียวกัน เป็นเรื่องที่ชัดเจน มันคือทุกๆ สิ่งมีหลักฐานจากอัลกุรอาน อัลฮะดีษ หรือมติของปวงปราชญ์มุสลิม (อิจญ์มาอ์) มาชี้ชัดว่ามันเป็นที่ต้องห้าม (ฮะรอม) 

4. ท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ได้ชี้ถึงประเภทที่สาม คือสิ่งที่คลุมเครือ (มุชตะบิฮาต) เช่น ทรัพย์ที่ปะปนกันระหว่างทรัพย์ที่ฮะลาลและทรัพย์ที่ฮะรอม และมิอาจรับรู้หรือยืนยันได้ว่าอันใดฮะลาลและอันใดฮะรอม แต่ถ้าเมื่อใดที่รู้แน่ชัดอันใดฮะลาลอันใดฮะรอม ก็ถือว่าทรัพย์นั้นสิ้นความเคลือบแคลงแล้ว 

5. ท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ยังได้อธิบายต่ออีกว่า ผู้ใดที่ออกห่างจากสิ่งที่เคลือบแคลง (มุชตะบิฮาต) เท่ากับเขาผู้นั้นได้แสวงหาความบริสุทธิ์และความปลอดภัยให้แก่เขาเอง เขาได้ปกป้องศาสนาในตัวเขาและเกียรติยศของเขาให้พ้นจากความมัวหมองแล้ว 

6. บุคคลใดก็ตามที่ถลำตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เคลือบแคลง (มุชตะบิฮาต) นั่นเท่ากับเขาได้ทำการท้าทายและนำตัวเองไปสู่ความอ้นตราย และเกือบแล้วที่เขาจะลงไปอยู่ในสิ่งที่ศาสนาห้าม (ฮะรอม) 

7. ท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ได้เปรียบผู้ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เคลือบแคลง (มุชตะบิฮาต) ว่าเป็นเสมือนดั่งผู้ที่นำสัตว์เลี้ยงของตนไปเลี้ยงใกล้ๆ กับทุ่งหญ้าอันเป็นเขตหวงห้ามของพระราชา ซึ่งพระราชาได้สัญญาลงโทษแก่ผู้ที่ล่วงล้ำเขตหวงห้ามของพระองค์ไว้แล้ว บางทีสัตว์เลี้ยงของเขาอาจรุกล้ำเข้าไป หรืออาจเป็นด้วยความเผลอเรอของผู้เลี้ยงสัตว์นั้นเองที่พาสัตว์เข้าไปในเขตหวงห้ามดังกล่าว อันเป็นการนำตัวเองไปสู่การได้รับโทษจากพระราชา 

8. บางทีสิ่งที่เคลือบแคลง (มุชตะบิฮาต) อาจนำพาไปสู่การฝ่าฝืนและกระทำบาปเล็กๆ (ศ่อฆฺออิร) และบาปเล็กๆ ก็อาจนำพาหรือชักจูงไปสู่การกระทำบาปใหญ่ (กะบาอิร) ได้ 

9. ท่านนบี ศ็อลลั่ลลอฮู่อะลัยฮี่ว่ะซั่ลลัม ยังได้ชี้ให้เห็นความสำคัญของหัวใจว่า หากหัวใจดี พฤติกรรม ตลอดจนคำพูดของบุคคลก็จะดี แต่ถ้าหัวใจของบุคคลไม่ดี ก็จะส่งผลให้พฤติกรรมและคำพูดของบุคคลนั้นข้องเกี่ยวกับสิ่งที่ผิดหรือบาปต่างๆ ได้ 

สรุปบทเรียนจากฮะดีษ 

1. ความชัดเจนของฮะลาลและฮะรอม ฮะดีษนี้เริ่มต้นด้วยการยืนยันว่าสิ่งที่ศาสนาอนุมัติ (ฮะลาล) และสิ่งที่ศาสนาห้าม (ฮะรอม) นั้นมีความเจนแล้ว ซึ่งแสดงถึงความสำคัญของการมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการดำเนินชีวิต สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนรู้ว่าควรทำอะไร และสิ่งใดที่จะต้องหลีกเลี่ยง 

2. สิ่งที่คลุมเครือและความรับผิดชอบ สิ่งที่อยู่ระหว่างฮะลาลและฮะรอมมักจะเป็นสิ่งที่ไม่ชัดเจนหรือคลุมเครือ ซึ่งการเลือกที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ถือเป็นการปฏิบัติที่ชาญฉลาด ในบริบทนี้ เราถูกกระตุ้นให้มีความระมัดระวัง (วะเราะอ์) และตั้งใจในการเลือก เพราะการเข้าไปในสิ่งที่คลุมเครือ (มุชตะบิฮาต) อาจนำไปสู่การกระทำที่ไม่ถูกต้องในศาสนา 

3. การป้องกันตนเอง การรักษาระเบียบวินัยในด้านศาสนาจะช่วยให้ชีวิตมีความสงบสุขและป้องกันจากการตกลงไปในบาป โดยเปรียบเทียบกับคนเลี้ยงสัตว์ที่นำสัตว์ไปอยู่ใกล้เขตหวงห้ามเพื่อเป็นการเตือนให้เห็นถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น 

4. ความสำคัญของหัวใจ การเชื่อมโยงระหว่างหัวใจและการดำเนินชีวิตนี้บอกให้เราเข้าใจว่า หัวใจคือศูนย์กลางของความดีงามและการแยกแยะระหว่างสิ่งที่ถูกต้องและผิด ดังนั้น การดูแลหัวใจให้มีศรัทธา (อีหม่าน) บริสุทธิ์และดีอยู่เสมอจึงสำคัญต่อการมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จทั้งในโลกนี้ (ดุนยา) และในโลกหน้า (อาคิเราะฮฺ)

ความคิดเห็น
* อีเมลจะไม่ถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์