มนุษย์ทุกคนล้วนมีเส้นทางชีวิตที่ต้องสิ้นสุดลงด้วยความตาย ซึ่งเป็นสัจธรรมที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ ความตายไม่เพียงเป็นการสิ้นสุดของร่างกาย แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการตระหนักถึงคุณค่าของการกระทำที่ผ่านมาในชีวิต ศาสนาอิสลามได้มอบคำสอนที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความหมายของชีวิตและความตาย เพื่อให้ผู้ศรัทธาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตอย่างมีสติและไม่ประมาท ในบรรดาคำสอนเหล่านั้น มีฮะดีษหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความจริงอันละเอียดอ่อนของมนุษย์เมื่อถึงวาระสุดท้าย ซึ่งควรค่าแก่การใคร่ครวญและนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ - صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : " مَا مِنْ أَحَدٍ يَمُوتُ إِلَّا نَدِمَ " . قَالُوا : وَمَا نَدَامَتُهُ يَا رَسُولَ اللَّهِ ؟ قَالَ : " إِنْ كَانَ مُحْسِنًا نَدِمَ أَنْ لَا يَكُونَ ازْدَادَ ، وَإِنْ كَانَ مُسِيئًا نَدِمَ أَنْ لَا يَكُونَ نَزَعَ " . رَوَاهُ التِّرْمِذِيُّ .
จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ﷺ ได้กล่าวว่า: “ไม่มีผู้ใดตายไป นอกจากเขาจะต้องเสียใจ” พวกเขาจึงถามว่า: “แล้วความเสียใจของเขาคืออะไร โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮฺ?” ท่านตอบว่า: “ถ้าเขาเป็นผู้ทำความดี เขาจะเสียใจที่ไม่ได้ทำเพิ่มขึ้นอีก และถ้าเขาเป็นผู้ทำความผิด เขาจะเสียใจที่ไม่ได้เลิกละจากมัน” (รายงานโดยอัตติรมิซีย์)
عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ عَمْرٍو رَضِيَ اللهُ عَنْهُمَا قَالَ: قَالَ رَسُولُ اللهِ ﷺ: "أَرْبَعٌ إِذَا كُنَّ فِيكَ فَلَا عَلَيْكَ مَا فَاتَكَ مِنَ الدُّنْيَا: حِفْظُ أَمَانَةٍ، وَصِدْقُ حَدِيثٍ، وَحُسْنُ خُلُقٍ، وَعِفَّةٌ فِي طُعْمَةٍ" رواه أحمد في المسند.
ท่านอับดุลลอฮฺ อิบนุ อัมรฺ (ร.ฎ.) รายงานว่า: ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ﷺ กล่าวว่า: “สี่ประการ หากมีอยู่ในตัวเจ้าแล้ว
ก็ไม่เป็นไรเลยหากเจ้าพลาดสิ่งใดจากโลกนี้: 1. การรักษาสัญญาและความไว้วางใจ (อะมานะฮฺ) 2. การพูดความจริง 3. การมีอุปนิสัยที่ดีงาม 4. การแสวงหาปัจจัยยังชีพอย่างสุจริต” (รายงานโดยอะห์มัด ในหนังสืออัลมุสนัด)

คำอธิบาย
ฮะดีษนี้มีความหมายลึกซึ้งและทรงคุณค่า เพราะชี้ให้เห็นว่าคุณลักษณะทั้งสี่นี้คือรากฐานของชีวิตที่ดี หากผู้ศรัทธามีคุณลักษณะเหล่านี้แล้ว เขาจะไม่ต้องเสียใจต่อสิ่งที่พลาดไปจากโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน ความสะดวกสบาย หรือความเพลิดเพลิน เพราะสิ่งที่แท้จริงคือการเตรียมตัวสำหรับโลกอาคิเราะฮฺ
1. การรักษาอะมานะฮฺ (حِفْظُ أَمَانَةٍ) อะมานะฮฺคือการรักษาสัญญาและความไว้วางใจ ทั้งในเรื่องสิทธิของอัลลอฮฺและสิทธิของมนุษย์ อัลลอฮฺตรัสว่า:
وَالَّذِينَ هُمْ لِأَمَانَاتِهِمْ وَعَهْدِهِمْ رَاعُونَ
“และบรรดาผู้ที่รักษาสัญญาและอะมานะฮฺของพวกเขา” (อัลมุมินูน: 8)
ท่านนบี ﷺ ยังกล่าวว่า:
"لَا إيمانَ لِمَنْ لَا أَمَانةَ لَهُ، وَلَا دِيْنَ لِمَنْ لَا عَهْدَ لَهُ"
“ไม่มีอีหม่านสำหรับผู้ที่ไม่มีอะมานะฮฺ และไม่มีศาสนาสำหรับผู้ที่ไม่รักษาสัญญา” (อะห์มัด 12567 จากท่านอนัส) อะมานะฮฺจึงครอบคลุมทั้งการปฏิบัติศาสนกิจ การรักษาสิทธิของผู้อื่น การไม่ทรยศต่อความลับ และการซื่อสัตย์ในคำพูดและการกระทำ
2. ความจริงใจในคำพูด (صِدْقُ حَدِيثٍ) การพูดความจริงคือรากฐานของความไว้วางใจและความศรัทธา มุสลิมต้องห่างไกลจากการโกหก เพราะการโกหกนำไปสู่บาป และบาปนำไปสู่นรก ในทางตรงกันข้าม ความจริงนำไปสู่ความดี และความดีนำไปสู่สวรรค์
3. การมีอุปนิสัยที่ดีงาม (حُسْنُ خُلُقٍ) ท่านนบี ﷺ ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีอุปนิสัยที่สูงส่งที่สุด อัลลอฮฺตรัสว่า:
وَإِنَّكَ لَعَلَى خُلُقٍ عَظِيمٍ
“และแท้จริงเจ้าอยู่บนอุปนิสัยอันยิ่งใหญ่” (ซูเราะฮฺอัลก่อลัม: 4)
การมีอุปนิสัยที่ดีงามคือการแสดงออกด้วยความเมตตา ความอดทน ความถ่อมตน และการให้อภัย ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่ทำให้สังคมสงบสุขและเป็นที่รักของผู้คน
4. ความสุจริตในการแสวงหาปัจจัยยังชีพ (عِفَّةٌ فِي طُعْمَةٍ) การแสวงหาปัจจัยยังชีพต้องมาจากหนทางที่สุจริต ไม่ใช่จากสิ่งต้องห้ามหรือการเอาเปรียบผู้อื่น มุสลิมต้องกินดื่มและดำรงชีวิตด้วยสิ่งที่ฮาลาล เพราะอาหารที่สุจริตคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงหัวใจและทำให้ดุอาอฺได้รับการตอบรับ
สรุปบทเรียน